CFP ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือตัววัดความยั่งยืนที่แท้จริงของธุรกิจ

ความรู้

กรกฎาคม 29, 2025

ทำความเข้าใจ “ตัวเลข CFP” และประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน

ในยุคที่ธุรกิจต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product หรือ CFP) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจและติดตามปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดกระบวนการผลิต ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจุดสิ้นสุดของการใช้งานผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการบริหารจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ และสนับสนุนแนวทางธุรกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว

ตัวเลข CFP บอกอะไร?

ค่า CFP คือ ผลลัพธ์จากการประเมินการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ หรือที่เรียกว่า Life Cycle Assessment (LCA) ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่

  • การจัดหาวัตถุดิบ
  • การผลิต
  • การกระจายสินค้า
  • การใช้งาน
  • การจัดการผลิตภัณฑ์หลังใช้งาน

การประเมินนี้เรียกว่า Cradle-to-Grave ซึ่งหมายถึงการพิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นตลอดช่วงชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางฃ

เมื่อคำนวณการปล่อย CO₂ จากแต่ละขั้นตอนตลอดระยะเวลา 1 ปี จะนำค่ารวมมา หารด้วยจำนวนหน่วยผลิตภัณฑ์ ที่ผลิตได้ในช่วงเวลานั้น เพื่อให้ได้ค่า CFP ต่อหน่วย เช่น ต่อ 1 ชิ้นงาน, 1 ลิตร หรือ 1 กิโลกรัม

กล่าวโดยสรุป

“ตัวเลข CFP คือ ปริมาณการปล่อย CO₂ ต่อหนึ่งหน่วยผลิตภัณฑ์ ตลอดวงจรชีวิตของสินค้านั้น โดยใช้ข้อมูลจากการผลิตในระยะเวลา 1 ปี”

ประโยชน์ของค่า CFP

การมีข้อมูล CFP ที่ชัดเจน ไม่เพียงแต่ช่วยสะท้อนผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนผ่านแนวทางต่อไปนี้

1. ประเมินและเปิดเผยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบการปล่อย CO₂ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตได้อย่างครอบคลุม และเปิดเผยข้อมูลต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างโปร่งใส

2. ระบุขั้นตอนที่มีการปล่อย CO₂ สูง

นำมาสู่การวางแผนปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างตรงจุด

3. เลือกใช้วัสดุทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เช่น การใช้วัตถุดิบรีไซเคิล, เม็ดพลาสติกจากพืช (Bio-based Resin), หรือวัตถุดิบที่มีค่าการปล่อยคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Material)

4. เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด

ส่งเสริมการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เช่น Solar Cell Rooftop ภายในโรงงาน

5. ปรับปรุงระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพ

เช่น การใช้ยานพาหนะไฟฟ้า, ปรับเส้นทางขนส่ง และการรวมรอบจัดส่งเพื่อลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น

6. เสริมสร้างความเข้าใจแก่ผู้บริโภค

ตัวเลข CFP ทำให้ผู้บริโภคเห็นผลกระทบของผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ และเป็นแรงจูงใจในการหันมาเลือกสินค้าที่เป็น Low Carbon Product หรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

7. เป็นเครื่องมือสร้างความตระหนักรู้ในสังคม

ช่วยส่งเสริมแนวคิดการบริโภคอย่างยั่งยืน (Sustainable Consumption) โดยเน้นการใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างรู้คุณค่า และลดการบริโภคที่เกินความจำเป็น

สรุป

การประเมินค่า CFP ไม่เพียงแต่ช่วยให้องค์กรเข้าใจและบริหารจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังสร้างโอกาสในการปรับปรุงกระบวนการผลิต ลดต้นทุนในระยะยาว และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างแท้จริง

หากองค์กรของคุณกำลังมองหาแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ค่า CFP คือตัวช่วยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

บทความที่เกี่ยวข้อง

PCR คือ

ความรู้

พลาสติก PCR คืออะไร? ชวนรู้จักนวัตกรรมวัสดุเพื่อสิ่งแวดล้อม

ปัญหาขยะพลาสติกกำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก การค้นหาวิ…

OK Compost ของ TUV Austria คืออะไร

ความรู้

OK Compost ของ TUV Austria คืออะไร มาตรฐานสำคัญสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน

OK Compost เป็นเครื่องหมายรับรองที่บ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์นั…

ความรู้

มาตรฐาน ISO เครื่องยืนยันความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ Bags and Gloves

มาตรฐาน ISO หรือ International Organization for Standar…

ความรู้

PFAS คืออะไร? ทำไมจึงต้องมีการตรวจสอบและควบคุม

PFAS หรือ Per- and Polyfluoroalkyl Substances เป็นกลุ่ม…