การปลูกต้นไม้กับการลดคาร์บอนไดออกไซด์ พลังธรรมชาติสู่ความยั่งยืน
การปลูกต้นไม้ เป็นวิธีการธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการลดคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ในชั้นบรรยากาศ ต้นไม้ทำหน้าที่ดูดซับ CO₂ ผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสง (Photosynthesis) และกักเก็บคาร์บอนในรูปของเนื้อไม้ ใบ และราก ซึ่งทำให้ต้นไม้เป็น แหล่งกักเก็บคาร์บอน (Carbon Sink) ที่มีบทบาทสำคัญต่อการลดภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
กลไกสำคัญ สังเคราะห์แสง (Photosynthesis)
ต้นไม้ใช้ แสงอาทิตย์ น้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อสร้างพลังงานในรูปของน้ำตาลกลูโคส (C₆H₁₂O₆) และปล่อย ออกซิเจน (O₂) กลับสู่บรรยากาศ กระบวนการนี้ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูคุณภาพอากาศ แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ
ความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนของต้นไม้แต่ละชนิด
งานวิจัยด้านป่าไม้ระบุว่า ต้นไม้และประเภทป่ามีประสิทธิภาพในการกักเก็บ CO₂ แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น
- ยูคาลิปตัสและกระถินเทพา: กักเก็บเฉลี่ย 6.09 tCO₂eq/ไร่/ปี
- กระถินณรงค์: กักเก็บเฉลี่ย 4.40 tCO₂eq/ไร่/ปี
- สัก: กักเก็บเฉลี่ย 2.16 tCO₂eq/ไร่/ปี
- โกงกาง: กักเก็บเฉลี่ย 2.75 tCO₂eq/ไร่/ปี
ประเภทป่าก็มีความแตกต่างเช่นกัน
- ป่าตั้งใหม่: 0.44 tCO₂eq/ไร่/ปี
- ป่าบัญญูพรรณ: 0.98 tCO₂eq/ไร่/ปี
- ป่าคืนสภาพ: 1.42 tCO₂eq/ไร่/ปี
- ป่าดิบชื้น: สูงสุด 2.16 tCO₂eq/ไร่/ปี
การปลูกต้นไม้กับเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero
องค์กรและธุรกิจจำนวนมากทั่วโลกกำลังนำการปลูกต้นไม้มาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emission การเพิ่มพื้นที่สีเขียวและการเลือกชนิดไม้ที่กักเก็บคาร์บอนได้ดี จะช่วยลดก๊าซเรือนกระจกและบรรเทาภาวะโลกร้อน ปรับปรุงคุณภาพอากาศและเพิ่มออกซิเจน ฟื้นฟูระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ สนับสนุนโครงการ Carbon Credit และเศรษฐกิจสีเขียว








