Carbon Footprint of Product (CFP) คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์คืออะไร
Carbon Footprint of Product (CFP) หมายถึง การประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ที่เกิดขึ้นตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment) ตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง การใช้งาน ไปจนถึงการจัดการหลังหมดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ โดยแสดงผลลัพธ์ในหน่วย “กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า” หรือ kgCO₂e
ในการคำนวณ CFP จะครอบคลุมก๊าซเรือนกระจกหลัก ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) , มีเทน (CH₄) , ไนตรัสออกไซด์ (N₂O) และอาจรวมถึงก๊าซชนิดอื่นตามที่ระบุในมาตรฐาน เช่น HFCs, PFCs, SF₆ และ NF₃ โดยยึดตามมาตรฐาน ISO 14067 ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
คุณลักษณะสำคัญของการประเมิน CFP
- ประเมินตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
- ใช้หน่วยวัดเป็นกิโลกรัม CO₂e ต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ เช่น ต่อ 1 กิโลกรัม หรือ 1 ลิตร
- ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนและการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
ประเภทของ CFP การเปรียบเทียบระหว่าง B2B และ B2C
ประเภท | CFP: B2B (Business to Business) | CFP: B2C (Business to Consumer) |
ขอบเขตการประเมิน | ประเมินการปล่อย CO₂ ในช่วงการได้มาของวัตถุดิบ และ การผลิต (Cradle-to-Gate) ซึ่งไม่รวมขั้นตอนการใช้งานและการจัดการของเสียที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ | ประเมินการปล่อย CO₂ ครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การ จัดหาวัตถุดิบ, การผลิต, การ กระจายสินค้า, การใช้งานและการจัดการผลิตภัณฑ์หลังใช้งาน (Cradle-to-Grave) |
ลักษณะผลิตภัณฑ์ | สินค้าส่วนใหญ่ที่ทำ CFP แบบB2B เป็นสินค้าที่เป็นวัตถุดิบ หรือ สินค้าที่เป็นส่วนประกอบ ในการผลิตสินค้าชนิดอื่น | สินค้าที่ทำ CFP แบบ B2C เป็นสินค้าสำเร็จรูป ส่งถึงผู้บริโภคปลายทางโดยตรง (end users) |
การใช้ข้อมูล CFP | ไม่มีการแสดงฉลาก CFP บนบรรจุภัณฑ์ แต่ช่วยให้ลูกค้าองค์กรทราบค่าการปล่อย CO₂ ของส่วนประกอบสำหรับ การผลิตสินค้าปลายทาง | สามารถแสดงฉลาก CFP บนผลิตภัณฑ์ได้ (ขึ้นกับบริษัท ผู้ผลิตสินค้าว่า ต้องการติดฉลาก CFP บนผลิตภัณฑ์หรือไม่) |
ตัวอย่าง | ตัวอย่างสินค้า เช่น เม็ดพลาสติก, ขวดสำหรับบรรจุน้ำดื่ม, กระดาษลูกฟูก | ตัวอย่างสินค้า เช่น ถุงมือพลาสติกในซอง, น้ำดื่่มบรรจุขวด, เครื่องใช้ไฟฟ้า |
การจัดทำ CFP เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบต่อโลก และตอบโจทย์การบริโภคที่ยั่งยืนในอนาคต
การคำนวณคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) ทั้งในระดับองค์กร (CFO) และผลิตภัณฑ์ (CFP) จะใช้หน่วยวัดเป็นคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO₂e) ซึ่งเป็นการแปลงค่าการปล่อย GHG ชนิดต่างๆ ให้เทียบเท่ากับปริมาณ CO2 เพื่อให้การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นมาตรฐานเดียวกัน
ความเชื่อมโยงระหว่าง CFP และ CFO
CFO (Carbon Footprint for Organization) คือการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กร ซึ่งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลมายังระดับผลิตภัณฑ์ (CFP) ได้ เพื่อให้เห็นภาพรวมของผลกระทบที่องค์กรมีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างครบถ้วน
เมื่อองค์กรมีการประเมินทั้ง CFP และ CFO อย่างต่อเนื่อง จะสามารถกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
บทสรุป
การประเมิน Carbon Footprint of Product (CFP) เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทอย่างเป็นระบบ นอกจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ยังเป็นการเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและยกระดับภาพลักษณ์องค์กรในสายตาของผู้บริโภคและพันธมิตรทางธุรกิจ
องค์กรที่เริ่มต้นจากการประเมิน CFP ย่อมมีความได้เปรียบในด้านการแข่งขัน พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคตอย่างมั่นคง